สัญญาจ้างงานที่สร้างสรรค์

ถ้าสัญญาจ้างงานเขียนไว้ว่า “งานใดก็ตามที่พนักงานสร้างขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ พนักงานยกสิทธิ์ในงานนั้นให้กับบริษัท”

ผมเชื่อว่าต้องมีบริษัทบางแห่งเขียนแบบนี้ไว้ในสัญญาจ้างงาน เพื่อทำให้ลิขสิทธิ์ในแฟ้มที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะแฟ้ม Excel เป็นของบริษัท จะได้หมดปัญหาว่าลิขสิทธิ์เป็นของใคร

ในเมื่อพนักงานใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรม ใช้สถานที่ทำงาน ใช้เวลาทำงานของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานได้รับเงินเดือนอยู่ทุกเดือน เวลาส่งไปฝึกอบรมก็ใช้เงินของบริษัท ก็ควรอยู่นะครับที่บริษัทต้องมีความเป็นเจ้าของแฟ้ม Excel ที่พนักงานสร้างขึ้น

ส่วนในด้านพนักงานที่สร้างแฟ้มขึ้นมา กว่าจะทำให้แฟ้ม Excel ที่เป็นตารางว่างๆกลายเป็นตารางที่มีข้อมูลและสูตรผสมกัน สามารถหาคำตอบให้กับเจ้านายได้สารพัด กว่าจะทำได้แบบนี้ก็ต้องใช้สมองคิดสร้างสรรค์มิใช่น้อย

หากมีใครบอกว่าการใช้ Excel สร้างงานนั้น่ะ ไม่ได้ใช้สมองสักนิด เพราะอะไรๆก็มีให้ใช้ใน Excel อยู่แล้ว ผมจะถามกลับไปว่า แล้วในการจับเซลล์สองเซลล์มาหายอดรวม ระหว่างการสร้างสูตรบวก =A1+A2 หรือจะใช้สูตร =SUM(A1:A2) นั้น วิธีไหนดีกว่ากัน ควรใช้แต่ละวิธีกับงานอะไร นี่ไง หลักฐานที่พิสูจน์ว่าทุกคนที่ใช้ Excel สร้างงานต้องใช้สมองกันทั้งนั้น

บางคนก็เถียงอีกว่า ถ้าเป็นแฟ้มเก็บข้อมูลเฉยๆไม่มีสูตรอะไรเลยก็ไม่ต้องใช้สมองสักนิด แบบนี้ก็ไม่เข้าข่ายลิขสิทธิ์

การเก็บข้อมูลลงไปในตารางว่างๆนั้น ถ้าไม่ใช้สมองเลยก็เก็บข้อมูลไว้ตรงเซลล์ไหนก็ได้ใช่ไหมล่ะ วิธีเก็บข้อมูลก็ต้องใช้สมองออกแบบตารางให้ดี จะวางไว้แนวนอนแนวตั้ง จะแยกชีทหรือแยกแฟ้ม หรือจะเก็บรวมไว้ในตารางเดียวชีทเดียว เรื่องพวกนี้ใช้สมองกันทั้งนั้น

หากสัญญาจ้างงานใช้คำว่ายกสิทธิ์ให้กับบริษัท ประโยคนี้แรงมากไปเพราะแสดงว่าเมื่อพนักงานลาออกไป ตัวพนักงานเองก็หมดสิทธิ์ที่จะนำแฟ้มที่ตัวเองสร้างเอาไปใช้ต่อที่อื่นด้วย คนที่เก่ง Excel มากๆอาจไม่อยากสร้างสรรค์งานที่ดีๆให้กับบริษัทก็ได้เพราะทำไปแล้วตัวเองก็เอาไปใช้ต่อไม่ได้ สัญญาจ้างงานแบบนี้ไม่ช่วยส่งเสริมให้พนักงานสร้างงานดีๆให้กับบริษัท

ทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย สัญญาจ้างงานควรระบุว่า “งานใดก็ตามที่พนักงานสร้างขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ แฟ้มงานนั้นให้พนักงานและบริษัทมีสิทธิเป็นเจ้าของ”

แบบนี้ดีกว่าไหม