100%

Expert Guide CountIF

Expert Guide CountIF

🧐 เคล็ดการทำสูตรธรรมดา ให้กลายเป็นสูตรไม่ธรรมดา

สูตร Count มีไว้ใช้เมื่อต้องการนับจำนวนเซลล์ที่เป็นตัวเลข แต่ถ้าต้องการนับจำนวนเซลล์ที่ไม่ว่างล่ะ เรียกว่านับจำนวนเซลล์ทั้งหมดที่กรอกค่าไว้หรือมีสูตร โดยไม่สนใจว่าจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือค่าใดๆ ก็ต้องใช้สูตร CountA ซึ่งตัว A ที่ต่อท้ายนี้มาจากคำว่า All นั่นเอง

CountBlank ช่วยนับจำนวนเซลล์ที่เป็นเซลล์ว่าง ว่างจริงๆ ไม่มีค่าใดๆในเซลล์นั้น

🤔 ถ้าอยากจะนับจำนวนเซลล์ทั้งหมดในตารางล่ะ น่าเสียดายที่ไม่มีสูตรชื่อว่า CountCells แต่เราสามารถนับจำนวนเซลล์ในพื้นที่ตารางได้โดยนับจำนวน row ไปคูณกับจำนวน column หรือเอาความสูงไปคูณกับความกว้างของพื้นที่นั้นๆ

=Rows(พื้นที่ตาราง) * Columns(พื้นที่ตาราง)

ถ้าจำนวนเซลล์ที่หาได้ = จำนวนนับที่ได้จาก CountA ย่อมแสดงว่าได้ใช้พื้นที่นั้นเต็มหมดครบทุกเซลล์แล้วหรือกรอกค่าครบทั้งหมดแล้ว หรือเทียบเท่ากับสูตร CountBlank = 0

🤔 ถ้าอยากจะนับว่าในพื้นที่มีค่าตามที่กำหนดไว้กี่เซลล์ ก็ต้องใช้สูตร CountIF ตามภาพนี้ เช่น

=CountIF(พื้นที่เก็บรหัส, “a001”) จะได้คำตอบเป็น 2

สูตรนี้มีอะไรที่แปลกตรงไหน หลายๆคนก็ใช้งานเป็นกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ

😎 ส่วนที่แปลกและถือเป็นเคล็ดลับของสูตร CountIF หรือ SumIF หรืออะไรๆIF อยู่ตรงส่วนที่เป็นเงื่อนไข ซึ่งถูกกำหนดไว้ว่าต้องเป็น Text โดยจะเห็นว่าภาพนี้ผมใส่เครื่องหมาย ” ” ในโครงสร้างสูตรตรงเงื่อนไขไว้ว่า “เงื่อนไข”

แทนที่จะหา “a001” อาจเปลี่ยนไปเป็น
“a”&”001”
“*”&1
“a”&”??”&1

👉 * เป็นตัวแทนอะไรก็ได้กี่ตัวก็ได้ ดังนั้น “*”&1 จึงหมายถึงให้นับอะไรก็ได้ที่ลงท้ายด้วยเลข 1
👉 ? เป็นตัวแทนอะไรก็ได้ 1 ตัว ดังนั้น “a”&”??”&1 จึงหมายถึงให้นับรหัสที่นำหน้าด้วยตัว a ต่อด้วยอะไรก็ได้อีก 2 ตัวแล้วลงท้ายด้วยเลข 1

* ? นี้เรียกว่า Wild Card ครับ

🤔 ถ้าอยากนับจำนวนเซลล์ที่เป็นตัวเลข 20 ล่ะ ก็ใช้สูตร =CountIF(พื้นที่เก็บตัวเลข, 20) หรือ =CountIF(พื้นที่เก็บตัวเลข, 5+15) จะได้คำตอบ 1 โดยไม่จำเป็นต้องใส่ “20” และอย่าไปใส่เป็น “5+15” เพราะใน “” จะไม่บวกกัน

🤔 ถ้าอยากจะนับจำนวนเซลล์ที่มีค่ามากกว่า 20 ล่ะ

🖐 ห้ามสร้างสูตรแบบนี้นะครับ =CountIF(พื้นที่เก็บตัวเลข, “>5+15”) ซึ่งจะได้คำตอบ 0 เพราะในตารางไม่มี “ข้อความ” คำว่า >5+15

ทางที่ปลอดภัยกว่าและดีกว่า ให้แยกส่่วนของเครื่องหมาย > ออกมา แล้วมาเชื่อมกับตัวเลข 20 ตามภาพ ซึ่งหาได้จากการนำ 5 + 15

😍 =CountIF(พื้นที่เก็บตัวเลข, “>”& 5+15)

☝️ ขอให้จำไว้ว่า “สูตรที่ดี ไม่ควรใส่ค่าคงที่อะไรไว้ในวงเล็บของสูตร”

ดังนั้นแทนที่จะสร้างสูตรโดยใช้เงื่อนไขตามแบบที่ผมอธิบายให้เข้าใจง่ายๆแบบนี้
“a”&”001”
“*”&1
“a”&”??”&1
“>”& 5+15

ควรลิงก์แต่ละส่วนที่นำมาประกอบเป็นเงื่อนไขมาจากเซลล์ที่กรอกไว้จะทำให้สูตรยืดหยุ่นกว่ามากครับ เช่น แทนที่จะใส่ “>”& 5+15 ลงไปตรงๆ ให้สร้างสูตรแบบนี้แทน

=CountIF(พื้นที่ตารางตัวเลข, A1&A2+A3)

โดย A1 ใช้ใส่เครื่องหมาย > เอาไว้ อีกหน่อยจะแก้ใหม่เป็น = < >= <= <> ก็จะทำให้นับตามสมการนั้นๆ

ส่วน A2 กับ A3 เป็นเซลล์รับตัวเลขที่ต้องการนำมาบวกกัน

🤓 จับหลักไว้ให้ดีครับว่า “เมื่อใดที่เงื่อนไขกำหนดไว้ว่าให้ใช้แบบ Text เมื่อนั้นจะมีเคล็ดลับการใช้สูตรให้ยืดหยุ่นกว่าเดิมได้เสมอ”